โหมด P S A M ในกล้องคือ อิหยังคะ
1. P = Program
2. S = Shutter (ม่านปิดเปิด)
3. A = Aperture (รูรับแสง)
4. M = Manual
5. ISO = ที่ใช้กับสภาพแสง
- 1. โหมด P
โหมดนี้กล้องจะทำงานแบบ Auto ภาพที่ได้ จะไม่มืดหรือสว่างเกิน
แต่จะพิเศษกว่าโหมด Autoปกติ ตรงที่เราสามารถปรับค่า ISO และค่า AE/AF ได้
* ISO เป็นค่าความไวแสง
* AE/AF ล็อคค่าแสง หรือ ล็อคค่าโฟกัส แล้วแต่เลือกใช้งาน
- 2. โหมด S (หยุดการเคลื่อนไหว)
โหมดนี้ เราจะเป็นคนปรับตั้งค่า Speed Shutter (กล้องจะจัดการค่า Aperture ให้ )
ใช้หยุดการเคลื่อนไหวของวัตถุ เช่น ภาพกีฬาที่มีความเร็ว หรือ คนกำลังวิ่ง
ค่าความเร็วจะสัมพันกับสิ่งที่เราถ่าย
เช่น
- คนเดินปกติ เราอาจใช้ความเร็ว Shutter ที่ 80-120
- คนวิ่งเร็วๆ เราอาจใช้ความเร็ว Shutter ที่ 120-240
- เสือชีต้าร์วิ่งล่าฮิปโป เราอาจจะต้องใช้ Shutter ที่ 500-600
( จะใช้ค่ามากหรือน้อย ก็ขึ้นอยู่กับว่า วัตถุเคลื่อนที่เร็วแค่ไหนก็ตามสถาณะการณ์ ที่เราประเมิณ )
*หลักๆให้เราคอยสังเกตุค่า +- EV โดยปกติจะอยู่แถวๆ +-0
*ค่า EV คือค่าเฉลี่ยความสว่างของภาพ
- 3. โหมด A ( หน้าชัด หลังเบลอ / ชัดมากชัดน้อย )
โหมดนี้ เราจะปรับค่า Aperture หรือ ค่ารูรับแสง ( กล้องจะจัดการค่า Shutter Speed ให้ )
รูรับแสงในที่คือแผ่นไดอะเฟรมที่อยู่ในเลนส์กล้อง มีค่าเป็น F เช่น F1.4 / F2.8 /F22 อะไรประมาณนี้
F ค่ามาก ระยะชัดของภาพ จะมาก (เน้นถ่ายวิว สิ่งก่อสร้าง ภาพหมู่บุคคล งานที่ต้องการความชัดทั้งภาพ )
F ค่าน้อย ระยะชัดของภาพ จะน้อย ( เน้นถ่ายแนวพอร์ทเทรต คน หมา แมว ตำแหน่งที่เราโฟกัสจะชัดส่วนตำแหน่งที่เหลือจะเบลอ)
ดังนั้น F คือค่าระยะชัด ของพื้นที่ ที่เราโฟกัสภาพ
- 4. โหมด M
โหมดที่เราต้องปรับเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็น ค่าShutter Speed ค่าAperture ค่าISO
หลักๆก็คือ ต้องสังเกตุค่า +- EV ให้อยู่แถว สเกล +- 0 เป็นค่าที่จะบอกว่าภาพไปทางอันเดอร์หรือโอเวอร์
ที่ต้องให้ ระดับอยู่แถวๆ +-0 เพราะรายละเอียดภาพจะได้ไม่หาย
*อันเดอร์คือมืดเกิน โอเวอร์คือสว่างเกิน
- 4. ISO (ค่าความไวแสง)
ค่า ISO มีตั้งแต่ 80 ถึง 25600 หรือมากกว่านั้น
ค่าน้อย จะใช้ในสภาวะแสงมาก เช่น ตอนเที่ยง แถวชายหาด
ค่ามาก จะใช้ในสภาวะแสงน้อย เช่น ตอนเย็นไม่มีแสง ตอนมืด ตอนถ่ายดวงดาว
แต่การใช้ ISO ที่ค่ามากเกิน จะมีผลต่อภาพของเรา เรื่อง Noise ในภาพ
ยิ่งค่าISOมาก Noise ในภาพก็จะมากตาม ส่งผลให้ภาพ คุณภาพต่ำลง สีเพี้ยน ภาพอาจจะเป็นเม็ดแตกๆบางที่ก็เป็นวุ้นๆ ภาพไม่คมชัด
แต่ทั้งนี้ทั้งนัน ก็แล้วแต่ยี่ห้อ อย่างกล้องสมัยใหม่ของ Sony ก็แก้ไขเรื่องนี้ได้ดี
*ISO ไม่ได้รวมในโหมดกล้องเพราะมันเป็นค่าที่เราปรับตามสภาวะแสง ซึ่งจะค่อยข้างตายตัว เช่น
ตอนเช้า มีแล้วแต่ยังไม่แรงมาก อาจจะใช้แถว 200 - 400
ตอนเที่ยง แสงค่อยข้างแรง อาจจะใช้แถวๆ 100 - 400
ตอนเย็น แสงเริ่มน้อย อาจจะใช้แถวๆ 400 -3200 (หรือมากกว่า)
- แนะนำ ถ่ายเป็นแบบไฟล์ RAW ดีสุด
เพราะเราจะสามารถมาแก้ไขภาพได้โดยที่คุณภาพยังดีอยู่ แต่งภาพได้ง่ายกว่า ในกรณีที่ถ่ายมามืดไป หรือสว่างไป
- การถ่ายไฟล์ JPEG เป็นการที่กล้องเราได้ทำการ Convert จากไฟล์ RAW เป็น JPEG ให้เรา ดังนั้นไฟล์ภาพได้สูญเสียคูณภาพไปแล้วระดับนึง ทำให้ตอนเราเอาภาพมาแก้ไขอีกรอบ คุณภาพของภาพจึงลดลง
-อันนี้จากประสบการณ์โดยตรง
...
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น